วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

5 สาเหตุทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไม่อยากป่วยง่ายก็ควรหลีกเลี่ยง

5 สาเหตุทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไม่อยากป่วยง่ายก็ควรหลีกเลี่ยง

          ภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีความจำเป็นกับเรามากแค่ไหน เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงทราบ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เราต้องพบเจอกับเชื้อโรคมากมายที่อยู่รอบตัว ทำให้ภูมิคุ้มกันของเราต้องทำงานหนัก แต่ก็ไม่เพียงแค่สภาพแวดล้อมเท่านั้นที่ส่งผลทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำร้ายระบบภูมิคุ้มกันของเราอีกด้วย  แล้วถ้าอยากให้สุขภาพแข็งแรง คงต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้แล้วล่ะครับ

1. กินของหวานมากเกินไป


          การรับประทานของหวานมากเกินไปไม่ใช่แค่เพียงทำให้คุณอ้วนขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณอ่อนแอลงอีกด้วย เพราะมีการศึกษาหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition พบว่าการรับประทานน้ำตาล 100 กรัม จะทำให้ความสามารถในการทำลายเชื้อแบคทีเรียในของเม็ดเลือดขาวหยุดชะงักไปถึง 5 ชั่วโมงหลังจากการรับประทานน้ำตาล

2. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ


          เคยสงสัยกันไหมครับว่าทำไมเวลาเราไม่สบายเมื่อไปหาหมอ หมอมักจะบอกให้คุณดื่มน้ำมาก ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าน้ำจะช่วยชำระล้างสารพิษต่าง ๆ ในร่างกายที่เป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ และถ้าหากคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอก็จะทำให้สารพิษที่อยู่ในร่างกายตกค้าง ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ซึ่งโดยปกติคนเราควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว

3. อ้วนเกินไป


          เรามักจะรู้แต่ว่าการมีน้ำหนักมากเกินไปจะส่งผลกระทบต่อหัวใจ สมอง และอวัยวะส่วนอื่น ๆ ได้ แต่จริง ๆ แล้วการมีน้ำหนักมากเกินไปก็ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 40 เพราะน้ำหนักส่วนเกินจะไปทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความไม่สมดุลและส่งผลให้เกิดการอักเสบและความบกพร่องของภูมิคุ้มกันที่ช่วยในการต่อสู้กับการติดเชื้อต่่าง ๆ

4. จมูกของคุณแห้งเกินไป


          รู้ไหม ครับว่าการที่จมูกของเราแห้งเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วยได้เหมือนกัน เพราะโดยปกติแล้วอาการคัดจมูก และน้ำมูกไหลนั้นเป็นขบวนการในการป้องกันโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ เพราะน้ำมูกที่อยู่ในจมูกเป็นตัวที่คอยดักเชื้อโรคและขจัดเชื้อโรคออกจากร่างกาย และการที่จมูกของคุณแห้งเกินไปก็ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าหากคุณมีอาการจมูกแห้งควรจะหาน้ำเกลือมาล้างจมูกเพื่อให้จมูกชุ่มชื้นอยู่เสมอ และถ้าหากเป็นบ่อยจนเกินไปก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยครับ

5. ความเครียด


          หลายคนคงจะเคยป่วยเป็นไข้หวัดในช่วงใกล้กำหนดส่งงานชิ้นใหญ่ นั่นก็เป็นเพราะว่าเรามีความเครียดมากเกินไป ซึ่งถ้าหากเรามีความเครียดสะสมก็ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของเราอ่อนแอ และถ้ายิ่งเราเกิดความเครียดในช่วงที่กำลังเป็นไข้หวัดด้วยละก็ อาการก็จะยิ่งหนักกว่าเดิม ดังนั้นอย่าเครียดกันเลยนะครับ

          ระบบภูมิคุ้มกันของเรา เปรียบเหมือนปราการด่านสุดท้ายของร่างกาย ก่อนที่เชื้อโรคต่าง ๆ จะเข้าไปทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ ซึ่งถ้าหากภูมิคุ้มกันอ่อนแอมากเกินไปก็อาจจะทำให้ป่วยได้บ่อยมากขึ้น ซึ่งเราสามารถสังเกตได้ว่าถ้าคุณเป็นไข้หวัดมากกว่า 3 - 4 ครั้งต่อฤดูกาล นั่นก็แปลว่าภูมิคุ้มของคุณกับอ่อนแอมากแล้วล่ะครับ ซึ่งวิธีการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันที่ง่ายที่สุดก็คือการพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะผักและผลไม้ครับ

          เห็นไหมครับว่าสุขภาพไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ดังนั้นอย่าละเลยมันเด็ดขาดเลยครับ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าการที่เราสุขภาพอ่อนแอเราจะพบกับโรคภัยอะไรบ้าง และความร้ายแรงจะมากแค่ไหน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ถ้าหากเราจะต้องเสียเวลาและเสียเงินไปกับการรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ จริงไหมครับ

ด้วยความปรารถนาดีจาก 
#โค้ชเกมส์
#ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายด้วยสารอาหารจำเป็นคุณภาพสูง
📞 092-645-4256
📲 LINE : kp156
#เพราะหลอดเลือดคือทั้งหมดของชีวิต 
#ProArgi9Plus
#Chlorophyll_Plus
#Mistica



วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

HbA1c หรือ ค่าน้ำตาลสะสม ค่าน้ำตาลเก่า คืออะไร

HbA1c คืออะไร หรือ ค่าน้ำตาลสะสม ค่าน้ำตาลเก่า คืออะไรมาดูกัน
HbA1c คืออะไร ?
ค่าน้ำตาลสะสม คืออะไร ?
ค่าน้ำตาลเก่าคืออะไร ?

 HbA1c คืออะไร
    HbA1c คือ ฮีโมโกลบินชนิดเอ (HbA) ซึ่งเป็นฮีโมโกลบินชนิดที่มีปริมานมากที่สุดในเม็ดเลือดแดงทำหน้าที่ขนส่ง หรือ เป็นตัวพาออกซิเจนในเลือดไปยังอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของเรา โดย HbA ปกติแล้วสามารถเกิดการทำปฏิกิริยา Glycation กับน้ำตาลในเลือดของเรา และกลายเป็น HbA1c (glycated hemoglobin) และสะสมอยู่ในเลือดนั้นเองครับ โดยในผู้ป่วยเบาหวานที่มีปริมานน้ำตาลในเลือดสูงก็จะมีการสะสม HbA1c ในเลือดสูงเช่นกัน

 HbA1c บอกอะไรได้บ้าง ?
    เนื่องจาก HbA1c เป็นฮีโมโกลบินที่เกิดจากการทำปฏิกิริยากับน้ำตาลในเลือด เราจึงใช้ประโยชน์ตรงนี้ในการช่วยวินิจฉัยผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพื่อดูปริมาณน้ำตาลของผู้ป่วยทางอ้อมนั้นเองครับ โดยดูว่าผู้ป่วยมีการควบคุมระดับน้ำตาลดีแค่ไหน ซึ่งมีความแตกต่างจากค่าน้ำตาลที่เราอดอาหารแล้วไปตรวจแน่นอนครับ แถมยังมีประโยชน์อย่างมากด้วยครับ
 

 ค่า HbA1c ต่างจากค่าน้ำตาลในเลือดอย่างไร ?
     ต่างกันแน่นอนครับ อย่างที่บอกไปในคำถามที่แล้วว่า เพื่อใช้ดูปริมาณน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยในระยะเวลา ? เดือนที่ผ่านมา ประโยชน์ก็คือ ทรายผู้ป่วยท่านนั้นมีการควบคุมน้ำตาลได้ดีแค่ไหนในระยะเวลา ? เดือนที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าจะมาพบหมอแล้วอดอาหารเพื่อหลอกหมอนั่นเองครับ ^^ ส่วนการตรวจน้ำตาลหรือ glucose ที่ตรวจปกตินั้นก็ดูแค่ช่วงเวลานั้นหรือวันนั้นเฉยๆครับ


 HbA1c บ่งบอกถึงระดับน้ำตาลสะสมเลือด 2-3 เดือนที่ผ่านมา
      ใช่แล้วครับระยะเวลา 2-3 เดือน นั่นคือระยะเวลาของ HbA1c ก่อนที่จะสลายหายไปครับ ปกติแล้ว HbA1c นั่นหมอจะสั่งตรวจเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานแล้วเท่านั้นครับ ไม่ได้ใช่เป็นตัววินิจฉัยโรคเบาหวานครับ



ค่าปกติ ไม่ควรเกิน 6 mg%
      ถ้ามากกว่า 6 mg%  สำหรับผู้ป่วยนั่นถือว่าควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี ซึ่งทำให้ผู้ป่วยคนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมาได้ครับ เช่น การมองเห็น การทำงานของไต เป็นต้นครับ
***ทั้งนี้ค่าที่ใช้อาจเป็น 7 mg% ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในโรงพยาบาลนั้นๆครับ***

ด้วยความปรารถนาดีจาก
#โค้ชเกมส์
#ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายด้วยสารอาหารจำเป็นคุณภาพสูง
📞 092-645-4256
📲 LINE : kp156
#เพราะหลอดเลือดคือทั้งหมดของชีวิต
#ProArgi9Plus
#Chlorophyll_Plus
#Mistica