วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2559

6 อาการที่ร่างกายแจ้งเตือน ภายใน 1 เดือน ก่อนหัวใจวาย!

ระวัง!! 6 อาการที่ร่างกายแจ้งเตือน ภายใน 1 เดือน ก่อนหัวใจวาย!

หัวใจวาย เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในสหรัฐ ควรรักษาสุขภาพและการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บจากการดำเนินชีวิตของคุณ


เรารู้ว่ามีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคบางอย่างทางพันธุกรรม แต่ตราบใดที่คุณสามารถดูแลรักษาสุขภาพของคุณให้ดีจะช่วยลดความเสี่ยงของการเจ็บไข้ได้ป่วย

แต่ด้วยการดำเนินชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายกับหน้าที่การงาน จึงไม่ง่ายที่จะดูแลรักษาสุขภาพได้อย่างเต็มที่ ก่อให้เกิดปัญหาการเจ็บป่วยรวมถึงโรคหัวใจ ซึ่งเป็นภัยเงียบ คุณไม่เคยรู้ถึงปัญหาจนกว่าจะสายเกินไป เพื่อป้องกันกรณีที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องรู้จักกับอาการหัวใจวายก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง

นี่คือ 6 อาการที่ก่อให้เกิดอาการหัวใจวาย




1. ความอ่อนแอ อาจมีสาเหตุเมื่อร่างกายของคุณรู้สึกอ่อนแอ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นในทันทีทันใด เป็นไปได้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลอดเลือดแดงแคบลง ทำให้คุณไม่มีแรงหมดกำลังวังชา 

2. ความเมื้อยล้า fatique การหดตัวของหลอดเลือดทำให้หัวใจได้รับเกร็ดเลือดต่ำ มันจะทำให้หัวใจทำงานหนัก และทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยมากและง่วงนอนตลอดเวลา

3. อาการเวียนศีรษะและเหงื่อออก การไหลเวียนเลือดติดขัดทำให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะที่สำคัญของร่างการไม่ทั่วถึง รวมไปถึงสมองของคุณด้วย ซึ่งมันเป็นอันตรายมาก อันดับแรกจะทำให้คุณรู้สึกเวียนศีรษะ

4. หายใจถี่เหนื่อยง่าย ปริมาณของเลือดในหัวใจที่ลดลง จะทำให้ปอดไม่ได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ ทั้งสองระบบมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก ถ้าคุณรู้สึกมีปัญหาในการหายใจให้ปรึกษาแพทย์ คุณอาจอยู่ในช่วงเวลาที่ถูกโรคภัยไข้เจ็บเล่นงานอยู่

5. แน่นหน้าอก ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดแน่นบนหน้าอกของคุณ ไม่ว่าจะมีอาการปวดเล็กน้อย หรือ ความดันขึ้น มีความเป็นไปได้สูงว่าคุณกำลังถูกเล่นงานจากโรค อาการปวดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั้งมีการโจมตีเกิดขึ้นจริง

6. ไข้หวัดใหญ่หรืออาการหนาวเย็น ไข้หวัดอาจดูเหมือนปัญหาสุขภาพที่ไม่หนักหนาอะไร แต่ถ้าคุณได้ประสบกับมันหลังจากที่รู้สึกว่ามีอาการของโรคบางอย่างที่กล่าวถึง อาจเป็นสัญญาณว่าคุณถูกเล่นงานจากโรค ได้รับรายงานว่าหลายคนเป็นไข้หวัดอยู่หลายวัน ก่อนที่จะถูกโจมตีจากโรคภัย

สิ่งที่คุณควรทำเมื่อพบอาการของโรค

ถ้าคุณหรือบางคนทราบว่ามีอาการดังกล่าวข้างต้น คุณต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด รับการรักษาทันที เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันโรคหัวใจวาย 





สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้

ด้วยความปรารถนาดีจาก 
#โค้ชเกมส์
#ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายด้วยสารอาหารจำเป็นคุณภาพสูง
📞 092-645-4256
📲 LINE : kp156

#เพราะหลอดเลือดคือทั้งหมดของชีวิต 



วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน



          โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันหรือโรคหัวใจขาดเลือด เป็นโรคที่พบบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยปัจจุบันและในขณะนี้พบว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจล้มเหลว มีจำนวนคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันมากเป็นอันดับสองรองจากการประสบอุบัติเหตุ ซึ่งโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันนี้มีวิธีในการรักษาอยู่หลายวิธี ได้แก่ การใช้ยาในการรักษา การผ่าตัดต่อหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ (เรียกว่า การผ่าตัดบายพาส) และการใช้บอลลูนเพื่อขยายหลอดเลือดที่ตีบตัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษา ถึงปัจจัยเสี่ยง สาเหตุ อาการและการรักษาของโรคนี้ให้เข้าใจ

อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน



          ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกตรงกลางร้าวไปไหล่ซ้ายและแขนซ้าย บางรายมีปวดร้าวขึ้นไปตามคอ อาการเป็นมากขึ้นเวลา ออกแรง นั่งพักจะดีขึ้น ในรายที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบมากจนตัน จะทำให้มีการขาดเลือดอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อหัวใจ จนเกิดภาวะ กล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกรุนแรง กระสับกระส่าย เหงื่อออกตัวเย็น ถ้านำส่งโรงพยาบาล ไม่ทัน ก็อาจเสียชีวิตได้

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
1.เพศ พบว่าเพศชายมีอัตราการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันได้มากกว่าเพศหญิง 3 เท่า และมีอัตราการเสียชีวิตในเพศชายมากกว่าเพศหญิงถึง 5 เท่า

2.ประวัติครอบครัวเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันก่อนวัยอันควร(ผู้ชาย อายุน้อยกว่า 55 ปี,ผู้หญิงอายุน้อยกว่า 65 ปี)จะมีความเสี่ยงที่ จะเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
          จากการศึกษาพบว่า ผู้ชายที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจะเพิ่มอัตราเสี่ยงเป็น 2-20เท่าของผู้ชาย ที่ไม่มี ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ

3. ภาวะไขมันในเลือดสูง
โคเลสเตอรอลสูง โอกาสการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันจะเพิ่มขึ้นตามระดับโคเลสเตอรอลที่เพิ่มขึ้น

ภาวะต่อไปนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน
      - โคเลสเตอรอลรวม(Total cholesterol) และ LDL cholesterol สูง
      - HDL cholesterol ต่ำ(จากการศึกษาของ Framingham พบว่าอัตราเสี่ยงการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายจะเพิ่มขึ้น 25%สำหรับทุกๆ 5mg/dLที่ลดลงต่ำกว่าค่ามัธยฐานของ HDL cholesterol ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง)
      - Total cholesterol/HDL cholesterol ratio(อัตราส่วนระหว่างโคเลสเตอรอลและHDL)สูง
         จากการศึกษาพบว่า
• ในผู้ชายที่มีค่า ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 6.4 จะมีอัตราเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2-14%เทียบกับในกลุ่มที่มีค่า total cholesterol หรือ LDL cholesterol ระดับเดียวกัน
• ในผู้หญิงที่มีค่า ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 5.6 จะมีอัตราเสี่ยงเพิ่มขึ้น 25-45%เทียบกับในกลุ่มที่มีค่า total cholesterol หรือ LDL cholesterol ระดับเดียวกัน
ในทางตรงกันข้ามในคนที่มีระดับ ratio เดียวกัน แม้มีระดับ total cholesterol or LDL เพิ่มขึ้นก็ไม่ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
      ไตรกลีเซอไรด์(Triglyceride) สูง,ระดับ Lp(a)(เป็นไขมันที่เกาะรวมอยู่กับโปรตีนชนิดหนึ่ง เรียกว่า lipoprotein a) สูง
      การรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง เน้นที่การคุมอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลสูงร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าไม่ได้ผลจึงใช้ยาลดไขมันในเลือด
     ผลดีของการรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง สามารถลดอัตราการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจ ขาดเลือดและอัตราการเสียชีวิต จากโรคหัวใจ ได้ ทั้งในคนที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อนและผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว

4.ความดันโลหิตสูง
        ภาวะความดันโลหิตสูงทำให้มีกล้ามเนื้อหัวใจโตและเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด,หัวใจล้มเหลว,การเสียชีวิต
ฉับพลัน,การเกิดโรคอัมพาตจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยง
       ความดันโลหิตที่สูงไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตตัวบน(systolic blood pressure) หรือความดันโลหิตตัวล่าง(diastolic blood pressure)ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือดสมองตีบตันได้แต่จะมีผลไม่เท่ากันในอายุที่ต่างกัน
       จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่อายุน้อยกว่า 50ปี ความดันตัวล่างจะมีผลต่ออัตราเสี่ยงมากที่สุด
       ผู้ที่อายุ 50-59 ปี ความดันโลหิตทั้งตัวบน ตัวล่างและค่า pulse pressure (ค่าความแตกต่างระหว่าง ความดันโลหิตตัวบนและตัวล่าง) มีผลต่ออัตราเสี่ยงพอๆกัน
       ผู้ที่อายุมากกว่า หรือเท่ากับ 60 ปี ค่า pulse pressure จะมีผลต่ออัตราเสี่ยงมากที่สุด
      การรักษาโดยการควบคุมอาหาร จำกัดอาหารเค็ม ร่วมกับการใช้ยาลดความดันโลหิตในรายที่ความดันสูงมากหรือเริ่มมีการทำลายอวัยวะภายในร่วมด้วย
      ผลดีของการรักษาสามารถช่วยลดการเกิดภาวะอัมพาตจากสมองขาดเลือด,การเกิดหัวใจล้มเหลว รวมทั้งภาวะหัวใจขาดเลือดได้

5.Pulse pressure(ค่าความแตกต่างระหว่างความดันโลหิตตัวบนและตัวล่าง)
      ในรายที่มีค่า pulse pressure เพิ่มขึ้น จะเพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

6.เบาหวานและภาวะการควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี( glucose intolerance)
      เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะเส้นเลือดแข็งตีบตัน(atherosclerosis)โดยเฉพาะในผู้หญิง
      การรักษา โดยการควบคุมอาหารจำกัดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ร่วมกับการใช้ยาลดระดับน้ำตาล

7.ภาวะการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
      การเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันในผู้หญิงจะเพิ่มขึ้นหลังหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง
      การรักษา โดยการให้ฮอร์โมนเสริมที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจนและโปรเจสติน

8.ปัจจัยที่เกี่ยวกับวิถีการดำเนินชีวิต(Lifestyle factors)
• การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
       ช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตันและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ถึง 23% นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่ม ระดับ HDL cholesterol , ลดความดันโลหิต , ลดน้ำหนักและช่วยให้การคุมเบาหวานดีขึ้น

• การสูบบุหรี่
       เป็นตัวการสำคัญของการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตัน   ในผู้ที่สูบบุหรี่วันละอย่างน้อย 20 มวนจะเพิ่มอัตราการเกิด กล้ามเนื้อ หัวใจตาย 3 เท่า ในผู้ชาย และ 6 เท่าในผู้หญิงเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ รวมทั้งคนที่สูดควันบุหรี่ก็มีอัตราเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย
      -อัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายซ้ำลดลง 50% ภายใน 1 ปีของการหยุดสูบบุหรี่ และกลับมาเท่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ภายใน 2 ปี
      -ประโยชน์ของการเลิกสูบบุหรี่จะยังคงอยู่ไม่ว่าจะเคยสูบมานานหรือสูบมามากเท่าไรก็ตาม

• อาหาร
       นอกจากอาหารที่มีไขมันสูงจะเป็นตัวทำให้เกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตันแล้ว ยังพบว่าการทานผัก ผลไม้และอาหารที่มีเส้นใย อาหาร สูงจะช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตันและอัมพาตจากเส้นเลือดสมองตีบตัน
       การทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงจะช่วยลดอัตราการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตันและอัมพาตจากเส้นเลือดสมองตีบตันลงได้ถึง 40-50% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ทานเส้นใยอาหารต่ำ

• การดื่มสุรา
       มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า การดื่มสุราในขนาดที่เหมาะสมจะช่วยลดอัตราการเกิดเส้นเลือดหัวใจตีบตันได้
      จากการศึกษาผู้ชายและผู้หญิงในอเมริกา 490,000 รายที่ดื่มสุราในปริมาณที่เหมาะสมพบว่าอัตราเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดและหัวใจลดลง เหลือ 0.7 ในผู้ชาย และ 0.6 ในผู้หญิง เมื่อเทียบกลุ่มที่ไม่ได้ดื่มสุรา ซึ่งเชื่อว่า แอลกอฮอล์ทำให้มี การเพิ่มของ HDL Cholesterol ได้

       มีความสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง , ภาวะ glucose intolerance , ภาวะดื้อต่ออินสุลิน , ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น , ระดับ HDL Cholesterolต่ำลง , ระดับ Fibrinogen เพิ่มขึ้น
       ความอ้วนเพิ่มอัตราการเสียชีวิตรวมและที่เกิดจากโรคหลอดเลือดและหัวใจ จากการศึกษาพบว่าคนอ้วน (BMIหรือดัชนีมวลร่างกาย มากกว่า หรือเท่ากับ 40) จะมีอัตราการเสียชีวิตโดยรวมสูงที่สุด คิดเป็น 2.7 เท่าในผู้ชายและ 1.9 เท่าในผู้หญิง
       การศึกษาพบว่าการมีน้ำหนักเพิ่มมากหลังอายุ 20 ปีจะเพิ่มโอกาสการเสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน เช่นกัน รายงานในผู้ชายที่ศึกษา 6,874 รายเป็นเวลาเกือบ 20 ปี โดยเทียบกันในกลุ่มอายุ , การออกกำลังกาย , การสูบบุหรี่ใกล้เคียงกัน พบว่า อัตราเสี่ยงของการตายจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ต่ำที่สุดในกลุ่มที่มีน้ำหนักคงที่คือเพิ่มไม่เกิน 4% หลังอายุ 20 ปี
      อัตราเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 1.57 เท่า ในกลุ่มที่มีน้ำหนักเพิ่ม 4-10%
      อัตราเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 2.76 เท่า ในกลุ่มที่มีน้ำหนักเพิ่มมากกว่า 35%


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
ด้วยความปรารถนาดีจาก 
#โค้ชเกมส์
#ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูสุขภาพร่างกายด้วยสารอาหารจำเป็นคุณภาพสูง
📞 092-645-4256
📲 LINE : kp156

#เพราะหลอดเลือดคือทั้งหมดของชีวิต